orchid seidenfadenia mitrata หรือ หนวดพราหมณ์ แต่เดิมเป็นกล้วยไม้ที่อยู่ในสกุลของกุหลาบ Aerides และ ถูกเปลี่ยน เป็นสกุล Seidenfadenia ในภายหลัง หนวดพราหมณ์ เป็นกล้วยไม้เพียงชนิดเดียวที่อยู่ในสกุล Seidenfadenia ซึ่งได้รับการตั้งชื่อให้เป็นเกียรติแด่ ท่าน Gunnar Seidenfaden ชาวเดนมาร์ก อดีตเอกอัครราชทูตเดนมาร์ก ประจำประเทศไทย และ เป็นผู้ทำการศึกษา และ ตีพิมพ์ผลงานวิชาการเกี่ยวกับ กล้วยไม้ไทยอย่างต่อเนื่องหลายสิบปี จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ผลงานของท่านเป็นพื้นฐานอันสำคัญยิ่ง สำหรับโครงการพรรณพฤกษชาติประเทศไทย พืชวงศ์กล้วยไม้ ส่วนคำระบุชนิด mitrata แปลว่าที่สวมศีรษะ หรือ หมวกทรงสูง สำหรับพระในคริสต์ศาสนา ซึ่งอาจหมายถึงลักษณะโดยรวมของเส้าเกสรที่ดูคล้ายกับที่สวมศีรษะนั่นเอง นอกจากนี้ หนวดพราหมณ์ ยังมีชื่อตามท้องถิ่นต่าง ๆ อีกว่า เอื้องผมเงือก และ เอื้องกุหลาบสระบุรี ซึ่งก็ได้รับการตั้งชื่อตามความเรื่องเล่า และ แหล่งที่พบตามลำดับ
ลักษณะของ orchid seidenfadenia mitrata เอื้องหนวดพราหมณ์
orchid seidenfadenia mitrata (หนวดพราหมณ์) ลักษณะของหนวดพราหมณ์ คือ เป็นกล้วยไม้อิงอาศัยลำต้นยาว 3 – 5 ซม.รากจำนวนมากออกที่โคนต้น ลักษณะอวบยาวใบจำนวน 3 – 5 ใบ รูปทรงกระบอกยาวสีเขียวเข้ม ปลายเรียวแหลมเส้นผ่านศูนย์กลางส่วนกว้างสุดประมาณ 0.5 ซม. ยาว 10 – 40 ซม. ใบของ หนวดพราหมณ์ ห้อยลู่ลงด้านบนเป็นร่องตามยาว
ลักษณะดอก orchid seidenfadenia mitrata เอื้องหนวดพราหมณ์
orchid seidenfadenia mitrata (เอื้องหนวดพราหมณ์) ออกดอกเป็นช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกที่ซอกใบช่อตั้งขึ้นก้านช่อยาว 13-20 ซม. ดอกของ หนวดพราหมณ์ เรียงค่อนข้างแน่น มีกลิ่นหอม ดอกบานเต็มที่กว้างประมาณ 1.5 ซม. ก้านดอกยาวประมาณ 2 ซม. กลีบเลี้ยงสีขาว ปลายกลีบสีม่วง รูปรีแกมรูปขอบขนาน กลีบดอกสีขาว ขอบกลีบอาจมีสีม่วงรูปรีแกมรูปไข่กลับ กลีบปากสีม่วงแกมแดง กลางกลีบสีจางกว่า กลีบรูปรีแกมรูปไข่ ปลายกลีบเว้าตื้น โคนกลีบแต่ละข้างมีติ่งขนาดเล็ก ฝาปิดกลุ่มเรณูสีม่วงเข้ม หนวดพราหมณ์ ให้ดอกช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือน เมษายน – พฤษภาคม ดอกของ หนวดพราหมณ์ มีกลิ่นหอม หากปลูกเป็นกอ จะส่งกลิ่นหอมโชยพัดตามลม
การปลูกเลี้ยง orchid seidenfadenia mitrata เอื้องหนวดพราหมณ์
orchid seidenfadenia mitrata การปลูกเลี้ยง หนวดพราหมณ์ มีวิธีการดังนี้
– การปลูก สามารถปลูกโดยการห้อยหัวลง หรือ ทำให้ห้อยลงมาได้ หรือ ปลูกจับลำตั้งขึ้นก็ได้เช่นกัน
– การรดน้ำ หนวดพราหมณ์ ควรรดเวลาเดียวช่วงเช้าตรู่ หรือ ช่วงเย็น เท่านั้น หนวดพราหมณ์ ที่ปลูกใหม่ ยังไม่ควรให้ถูกแสงแดดจัดมากเกินไปเพราะอาจทำให้ตายได้
– หนวดพราหมณ์ เป็นกล้วยไม้ที่ชอบแสงค่อนข้างมาก เมื่อรากเดินดีแล้วควรค่อย ๆ ขยับเข้าหาแสงแดดบ้าง เช่นถูกแสงแดดช่วงเช้า ๆ หรือ ช่วงเย็นหลัง 4 โมง เป็นต้น แสงจะเป็นตัวกระตุ้นให้ หนวดพราหมณ์ ได้ปรุงอาหาร สะสมเตรียมไว้สำหรับออกดอก หากไม่ได้รับแสงที่เพียงพอ หนวดพราหมณ์ จะไม่ค่อยให้ดอก หรือ ให้ดอกไม่ดกได้
– ปุ๋ยสำหรับ หนวดพราหมณ์ ควรให้ทุกสัปดาห์ สูตรปุ๋ยไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่เราปลูกครับ แต่ปุ๋ยที่ต้องให้นั้นคือปุ๋ยสูตรเสมอ เพื่อให้ หนวดพราหมณ์ ได้มีอาหารสะสม และ แตกกอสวยงาม
– หาก หนวดพราหมณ์ ไม่ให้ดอก หรือ ลำต้นแคระแกร็น ให้พึงพิจารณาเรื่องแสง
* แต่โดยรวม หนวดพราหมณ์ เป็นกล้วยไม้เลี้ยงง่าย เพียงหมั่นรดน้ำทุกวันก็แตกกอสวยให้ดอกงดงามแล้ว แต่หากขยันให้ปุ๋ยเป็นอาหารเสริมด้วยแล้วละก็ หนวดพราหมณ์ จะยิ่งให้ดอกดกขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
orchid seidenfadenia mitrata หรือ “เอื้องหนวดพราหมณ์” ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Seidenfadenia mitrata (Rchb.f.) Garay เป็นกล้วยไม้ที่สวยงาม โดดเด่น ลักษณะของใบที่เป็นเส้นยาว ลำต้นจะต่างจากกล้วยไม้ทั่ว ๆ ไป คือ มีลำต้นห้อยลงมาดูแปลกตา ดอกบานเต็มที่กว้างประมาณ 1.5 ซม. ก้านดอกยาวประมาณ 2 ซม. กลีบเลี้ยงสีขาว ปลายกลีบสีม่วง ดอกมีกลิ่นหอม หากปลูกเป็นกอจะส่งกลิ่นหอมโชยพัดตามลม ออกดอกช่วงเดือนเมษายน – พฤษภาคม เป็นกล้วยไม้อีกชนิดที่เลี้ยงง่าย เนื่องจากชอบอากาศร้อน จึงสามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ในประเทศไทย
REF : https://en.wikipedia.org/wiki/Seidenfadenia