bulbophyllum orchid hybrid กล้วยไม้สิงโตลูกผสม

bulbophyllum orchid hybrid

ที่มาความหมายของ bulbophyllum orchid hybrid

bulbophyllum orchid hybrid สิงโตกลอกตา เป็นกล้วยไม้สกุลหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า ” บัลโบฟิลลัม ” (En : Bulbophyllum) ซึ่งมาจากรากศัพท์ในภาษากรีกคือ bulbos แปลว่า ” หัว ” กับ phyllon แปลว่า ” ใบ ” หมายถึงลักษณะที่ก้านใบพองคล้ายหัว ส่วนคำว่า ” hybrid ” แปลว่า ” ลูกผสม ” ซึ่งมีความรวมกันว่า กล้วยไม้สิงโตกลอกตาลูกผสมนั่นเอง

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ของ bulbophyllum orchid hybrid

bulbophyllum orchid hybrid สิงโตกลอกตาลูกผสมนี้ เป็นกล้วยไม้ที่มีการเติบโตแบบ Sympodial เช่นเดียวกับ กล้วยไม้สกุลหวาย สกุลคัทลียา มีเหง้า และ ลำลูกกล้วย ซึ่งต่างกันแล้วแต่ชนิด มีทั้งชนิดที่มีลำลูกกล้วยขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ บางชนิดลำลูกกล้วยตั้งตรง บางชนิดนอนราบไปกับเหง้า มีใบที่ปลายลำลูกกล้วยหนึ่ง หรือ สองใบแล้วแต่ชนิด มีตั้งแต่ใบเล็กมากจนถึงใบค่อนข้างใหญ่ ดอกมีทั้งดอกเดี่ยว และ ดอกช่อ ก้านช่อดอกเกิดที่ฐานของลำลูกกล้วย บางชนิดเกิดที่ข้อของเหง้า ดอกมีตั้งแต่ขนาดเล็กมากจนถึงค่อนข้างใหญ่ ลักษณะดอก และ สีสันสวยงามแตกต่างกันแล้วแต่ชนิด

เครื่องปลูก bulbophyllum orchid hybrid กล้วยไม้สิงโตลูกผสม

bulbophyllum orchid hybrid โดยส่วนใหญ่ที่ทำเป็นการค้า จะใช้สแฟกนั่มมอส (sphagnum moss) เพราะสามารถควบคุมความชื้นได้ง่าย ถ้าปลูกเพื่อดูเล่น อาจเกาะขอนไม้ หรือ จะปลูกลงกระถาง กระเช้าไม้ เครื่องปลูกอาจใช้ถ่านไม้ทุบเป็นก้อนเล็ก ๆ แช่น้ำก่อนสัก 2 – 3 วัน ถ่านไม้ระบายน้ำได้ดี และ ไม่เปื่อย หรือ ผุง่าย การปลูกควรตั้งต้นกล้วยไม้ตรงกลาง ให้โคนต้นส่วนเหนือราก อยู่ต่ำกว่าระดับขอบ ภาชนะปลูกเล็กน้อย การวางต้นกล้วยไม้สูงเกินไป จะทำให้รากกล้วยไม่ได้รับความชื้นไม่เพียงพอ การใส่เครื่องปลูกควรใส่แค่กลบรากเท่านั้น อย่าใส่เครื่องปลูกมากเกินไป ควรปลูกก่อนเข้าฤดูฝน คือประมาณเดือนมีนาคม ถ้าปลูกในฤดูฝน

อากาศมีความชื้นสูง และ กล้วยไม้กำลังอวบน้ำ อาจทำให้ใบ และ ยอดเน่าได้

การดูแล อุณหภูมิ และ การรดน้ำ bulbophyllum orchid hybrid

bulbophyllum orchid hybrid สิงโตกลอกตาลูกผสมนี้ มีวิธีการดูแล และ บำรุง ดังนี้

  1. ต้องการแสงแดดรำไร หากได้รับแสงมากเกินไป ใบจะเกิดรอยไหม้ เนื้อเยื่อส่วนที่ถูกแสงจะตาย และ เน่า ปริมาณแสงที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโต อยู่ในช่วง 10,000 – 20,000 Lux ต้นที่มีอายุมาก หรือ ต้นขนาดใหญ่จะทนแสงได้มากกว่าต้นที่มี อายุน้อย หรือ ต้นขนาดเล็ก
  2. อุณหภูมิ และ ความชื้น อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตอยู่ในช่วง 23 – 28 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงออกดอกต้องการอุณหภูมิประมาณ 18 – 25 องศาเซลเซียส สามารถทนอุณหภูมิสูง ได้ถึง 35 องศาเซลเซียส และ อุณหภูมิต่ำได้ถึง 10 องศาเซลเซียส โดยต้นไม้ได้รับความเสียหาย ส่วนความชื้น สัมพัทธ์ที่เหมาะสมอยู่ที่ 60 – 65 เปอร์เซ็นต์
  3. การให้น้ำ ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุปลูก ไม่ควรให้น้ำมากเกินไป เพราะจะทำให้ระบบรากเน่า ควรให้น้ำเมื่อเห็นว่าวัสดุปลูกแห้ง การให้น้ำไม่ควรให้ถูกดอก หรือ มีน้ำขังบริเวณยอด เพราะจะทำให้ยอดเน่าได้ เมื่อพบส่วนใดเน่าให้ตัดส่วนเน่าทิ้งแล้วทาปูนแดงบริเวณรอยแผล จะทำให้ลดการระบาดของโรค
  4. ปุ๋ย ควรให้ปุ๋ยทุก 10 – 14 วัน ในระยะต้นกล้าควรให้ปุ๋ยที่มี ธาตุไนโตรเจนสูง เช่น สูตร 30 – 20 – 10 และ ในระยะใกล้ ออกดอกควรเปลี่ยนสูตรปุ๋ยที่มีธาตุโพแทสเซียม และ ฟอสฟอรัสสูง เช่น สูตร 13 – 27 – 27 เป็นต้น ปุ๋ยที่ให้ควรเป็น ปุ๋ยเกล็ดละลายน้ำ ปัจจุบันมีปุ๋ยละลายช้า ซึ่งมีอายุการใช้นานถึง 3 เดือน ก็สามารถนำมาใช้ได้ แต่ราคาจะแพง และ ควรมีการพ่นธาตุอาหารรอง และ ธาตุอาหารเสริมเป็นระยะ
  5. การเปลี่ยนวัสดุปลูก วัสดุปลูกที่ย่อยสลายตัวเร็ว เช่น กาบมะพร้าว ควรมีการเปลี่ยนวัสดุปลูกใหม่ทุก 3 – 6 เดือน เพื่อป้องกันระบบรากเน่า และ ควรมีการเสริมวัสดุปลูกบ้างเมื่อวัสดุปลูกยุบตัว การเปลี่ยนวัสดุปลูก มักนิยมทำเมื่อมีการเปลี่ยนกระถาง
  6. การป้องกันโรค และ แมลง ควรมีการพ่นยาป้องกันกำจัดโรค และ แมลงเป็นระยะ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน จะมีการระบาดของโรคได้ง่าย

bulbophyllum orchid hybrid กล้วยไม้สิงโตกลอกตาลูกผสมนี้ เป็นกล้วยไม้ที่มีการเติบโตแบบ Sympodial เช่นเดียวกับ กล้วยไม้สกุลหวาย สกุลคัทลียา มีเหง้า และ ลำลูกกล้วย ซึ่งต่างกันแล้วแต่ชนิด มีทั้งชนิดที่มีลำลูกกล้วยขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ บางชนิดลำลูกกล้วยตั้งตรง บางชนิดนอนราบไปกับเหง้า มีใบที่ปลายลำลูกกล้วยหนึ่ง หรือ สองใบแล้วแต่ชนิด มีตั้งแต่ใบเล็กมากจนถึงใบค่อนข้างใหญ่ ดอกมีทั้งดอกเดี่ยว และ ดอกช่อ ก้านช่อดอกเกิดที่ฐานของลำลูกกล้วย บางชนิดเกิดที่ข้อของเหง้า ดอกมีตั้งแต่ขนาดเล็กมากจนถึงค่อนข้างใหญ่ ลักษณะดอก และ สีสันสวยงามแตกต่างกันแล้วแต่ชนิด

Facebook
Twitter
LinkedIn