ประวัติความเป็นมา ของการเริ่มต้นปลูกกล้วยไม้

เริ่มต้นปลูกกล้วยไม้

เริ่มต้นปลูกกล้วยไม้ การปลูกกล้วยไม้ ในประเทศไทย มีกล้วยไม้ป่าอยู่ในธรรมชาติ ตามต้นไม้ ซอกเขา พื้นดิน ไม่ต่ำกว่า 1,000 ชนิด ด้วยสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของประเทศไทยเอื้ออำนวยแก่การเจริญงอกงามของกล้วยไม้เป็นอย่างมาก ในอดีตนั้น เริ่มจากการที่ชาวชนบทนำกล้วยไม้จากป่ามาปลูกเลี้ยงด้วยวิธีเลียนแบบธรรมชาติ ขยับเข้าสู่สังคมเจ้านายชั้นสูงและบรรดาข้าราชการที่ใกล้ชิด เลี้ยงกล้วยไม้เป็นงานอดิเรก กลุ่มผู้สูงอายุ และ ผู้มีอันจะกินในสมัยก่อน เลี้ยงกล้วยไม้เพื่อความสุขทางใจ การปลูกเลี้ยงกล้วยไม้จึงจำกัดอยู่ในวงแคบ นิยมปลูกเลี้ยงกล้วยไม้พันธุ์ต่างประเทศ ส่วนกล้วยไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในป่าของประเทศไทยนั้น นิยม และ ยกย่องเฉพาะพันธุ์ที่หายาก และ มีราคาแพง การพัฒนาการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ เป็นไปอย่างจริงจัง ตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2493 ได้มีการวิจัย ฝึกอบรมการเลี้ยงกล้วยไม้ชมรมกล้วยไม้ เผยแพร่ความรู้ในเรื่องกล้วยไม้ และ แนวความคิดในการพัฒนาวงการกล้วยไม้ทั้งทางโทรทัศน์และวิทยุ ผลิตเอกสารสิ่งพิมพ์เผยแพร่ และ เปิดการสอนวิชากล้วยไม้ขึ้น ทำให้วงการกล้วยไม้ของประเทศไทย ขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวาง และ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้การปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ไม่ได้จำกัดอยู่ภายในวงแคบ มีการนำเข้ากล้วยไม้ลูกผสมจากต่างประเทศ รวบรวมพันธุ์ผสม และ เพาะพันธุ์จาก พ่อแม่พันธุ์ในประเทศ ทั้งที่เป็นพ่อแม่พันธุ์จากป่า และ ลูกผสมที่นำเข้า วงการกล้วยไม้ของไทยได้ตั้งเป้าหมายยกระดับวงการกล้วยไม้ในประเทศให้ทัดเทียมกับต่างประเทศ และ ประสบผลสำเร็จจนประเทศไทย เป็นประเทศที่ส่งออกกล้วยไม้เขตร้อนอันดับ 1 ของโลก เกษตรกรหลายท่าน ได้ผันตัวเองมาเป็นเกษตรกรผู้ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้มาจากอาชีพอื่น และ ประสบผลสำเร็จอย่างมาก ตลาดกล้วยไม้ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ ยังคงมีความต้องการกล้วยไม้เป็นจำนวนมาก และ ไม่มีทีท่าว่าจะลดลง

เริ่มต้นปลูกกล้วยไม้ จุดสังเกตง่าย ๆ ในการเลือกซื้อกล้วยไม้

เริ่มต้นปลูกกล้วยไม้ ขั้นตอนก่อนปลูกกล้วยไม้ เริ่มต้นจากการ เลือกซื้อกล้วยไม้

เลือกซื้อกล้วยไม้โดยสังเกตส่วนต่าง ๆ ดังนี้

  • ใบ ที่เขียวสดไม่เหลืองช้ำ และ ไม่มีรอยถูกตัดขาด
  • ลำต้น ข้อปล้องอวบ สวยงาม
  • ดอก บานไม่เต็มที่ หรือ บานประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้ดอกคงความสดได้หลายวัน หากปลูกไว้ในบริเวณบ้าน แนะนำให้ซื้อกล้วยไม้หลากหลายสายพันธุ์มาเลี้ยง เพราะมันจะออกดอกให้ชื่นชมตลอดทั้งปี

เริ่มต้นปลูกกล้วยไม้ ทำความรู้จักกับ ภาชนะปลูก

เริ่มต้นปลูกกล้วยไม้ ภาชนะปลูก เป็นส่วนสำคัญต่อการเจริญงอกงามของกล้วยไม้ ภาชนะปลูกต้องเหมาะกับการเจริญของรากกล้วยไม้แต่ละประเภท

ประเภทของภาชนะปลูก มีดังนี้

กระถางดินเผาทรงเตี้ย – เหมาะกับกล้วยไม้รากอากาศ เช่น กล้วยไม้สกุลแวนด้า สกุลเข็ม สกุลกุหลาบ สกุลช้าง

  • ใช้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 ถึง 6 นิ้ว มีรูระบายน้ำที่ก้น และ รอบกระถาง การปลูกไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องปลูกใด ๆ หรือ อาจใช้ถ่านไม้ มะพร้าวสับ ใส่ลงในกระถางแบบหลวม ๆ วางต้นกล้วยไม้กลางกระถางแล้วใช้เชือก หรือ ลวดเส้นเล็ก ๆ ผูกติดกับก้นกระถาง

กระถางดินเผาทรงสูง – เหมาะกับกล้วยไม้ที่ต้องการเครื่องปลูก หรือ กล้วยไม้รากกึ่งอากาศ เช่น คัทลียา หวาย

  • ใช้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 ถึง 4 นิ้ว สูง 4 ถึง 5 นิ้ว มีรูระบายน้ำที่ก้น และ รอบกระถางน้อยกว่ากระถางทรงเตี้ย อัดเรียงกาบมะพร้าวตามแนวตั้งจนแน่น ยึดราก และ โคนกล้วยไม้ตรงกลางกระถางให้แน่น

กระเช้าไม้สัก – เหมาะกับกล้วยไม้รากอากาศ มีต้นใหญ่ รากใหญ่ เช่น กล้วยไม้สกุลแวนด้า สกุลเข็ม สกุลกุหลาบ สกุลช้าง

  • ทำจากไม้สัก หรือไม้ชนิดอื่น ไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องปลูกใด ๆ หรือ อาจใส่ถ่านไม้ก้อนใหญ่ ๆ 2 ถึง 3 ก้อน วางต้นกล้วยไม้กลางกระถางแล้วใช้เชือก หรือ ลวดเส้นเล็ก ๆ ผูกติดกับก้นกระเช้า

กระเช้าพลาสติก – เป็นกระเช้าที่ทำจากพลาสติกสีดำ ราคาถูก มีหลายแบบ หลายขนาด แต่ที่นิยมใช้มี 2 ขนาด คือ ขนาดทรงเตี้ยใช้ปลูกกล้วยไม้แวนด้า และ ขนาดทรงสูงใช้ปลูกกล้วยไม้หวาย ลักษณะการปลูกเช่นเดียวกับกระถางดินเผาทรงเตี้ย และ กระถางดินเผาทรงสูง

กระถางดินเผามีรูก้นกระถาง – ใช้ปลูกกล้วยไม้ที่มีระบบรากแบบรากกึ่งดิน เช่น กล้วยไม้สกุลรองเท้านารี สกุลเอื้องพร้าว สกุลคูลู และ สกุลสเปโธกล๊อตติส

  • ชนิดเดียวกับที่ใช้ปลูกต้นไม้ทั่วไป มีรูระบายน้ำอยู่ที่ก้นกระถางเพียงรูเดียว ทั้งแบบทรงสูงทั่วไป และ แบบทรงเตี้ย

ท่อนไม้ที่มีเปลือก – เหมาะกับกล้วยไม้รากอากาศ เช่น กล้วยไม้สกุลเข็ม สกุลกุหลาบ สกุลช้าง สกุลแวนด้า

เริ่มต้นปลูกกล้วยไม้ รู้จักกับเครื่องปลูก หรือ วัสดุปลูก

เริ่มต้นปลูกกล้วยไม้ เครื่องปลูก หรือ วัสดุปลูก เป็นวัสดุที่เก็บอาหาร เก็บความชื้น หรือ ปุ๋ยของกล้วยไม้ และ ให้รากกล้วยไม้เกาะ ลำต้นจะตั้งอยู่ได้ วัสดุที่เหมาะสมกับลักษณะการเจริญเติบโตของรากกล้วยไม้จะทำให้กล้วยไม้เจริญเติบโตได้ดี แข็งแรง และ เป็นที่นิยมใช้มีดังนี้

ออสมันด้า – ได้มาจากรากของเฟิร์น เป็นเส้นยาว สีน้ำตาลจนเกือบดำ ค่อนข้างแข็ง ใช้ปลูกกล้วยไม้แบบรากกึ่งอากาศ เช่น กล้วยไม้สกุลหวาย สกุลคัทลียา

วิธีใช้ ล้างออสมันด้าให้สะอาด หรือ แช่น้ำ และ ต้มเพื่อฆ่าเชื้อรา รองก้นกระถางด้วยกระเบื้องแตก หรือ ถ่านประมาณครึ่งหนึ่งของกระถาง เพื่อให้ระบายน้ำได้สะดวก อัดออสมันด้าตามยาวลงไปในกระถาง แต่ไม่ให้เต็มกระถาง ออสมันด้าเป็นเครื่องปลูกที่ดี แต่ราคาค่อนข้างสูง เลี้ยงกล้วยไม้ได้เจริญงอกงามสม่ำเสมอ มีอายุการใช้งาน 2 ถึง 3 ปี

ข้อเสีย คือ มีตะไคร่น้ำขึ้นหน้าเครื่องปลูก และ เกิดเชื้อราง่าย

กาบมะพร้าว – นิยมใช้ปลูกกล้วยไม้มาก เพราะหาง่าย ราคาถูก ใช้ปลูกกล้วยไม้รากกึ่งอากาศเช่น กล้วยไม้สกุลหวาย สกุลคัทลียา

วิธีใช้ เลือกกาบมะพร้าวแห้งที่แก่จัด และ มีเปลือก อัดลงในกระถางตามยาวให้แน่น ตัดหน้าให้เรียบ แล้วใช้แปรงลวดปัดหน้าให้เป็นขน เพื่อให้ดูดซับน้ำดีขึ้น กาบมะพร้าวให้ความชื้นสูง เหมาะสำหรับกล้วยไม้ปลูกใหม่ เพราะจะทำให้ตั้งตัวเร็ว จึงทำให้กล้วยไม้เจริญงอกงามเร็วกว่าวัสดุชนิดอื่น ๆ

ข้อเสีย คือ มีอายุการใช้งานได้ไม่นาน คือมีอายุใช้งานได้เพียงปีเดียว จะผุ เกิดตะไคร่น้ำได้ง่าย เนื่องจากกาบมะพร้าวอมความชื้นไว้ได้มาก ควรรดน้ำให้น้อยกว่า

เครื่องปลูกชนิดอื่น

ถ่าน – ปลูกกล้วยไม้ได้ดี หาง่าย ราคาไม่แพง คงทนถาวร ไม่เน่าเปื่อยผุพังง่าย และ ดูดซับน้ำได้ดีพอเหมาะไม่ชื้นแฉะเกินไป ยังช่วยดูดกลิ่นที่เน่าเสีย และ ทำให้อากาศบริสุทธิ์อีกด้วย

แต่มีข้อเสีย คือ มักมีเชื้อรา กล้วยไม้ที่มีระบบรากแบบรากกึ่งอากาศ เช่น กล้วยไม้สกุลหวาย สกุลแคทลียา ควรใช้ถ่านป่นซึ่งเป็นก้อนเล็ก ๆ ผสมกับอิฐ หรือ ใช้อิฐหักรองก้นกระถางประมาณครึ่งกระถาง แล้วใช้ถ่านป่นใส่ทับข้างบนจนเต็ม หรือ เกือบเต็มกระถาง จากนั้นจึงเอากล้วยไม้ปลูกโดยวางทับไว้บนถ่าน ปลูกกล้วยไม้ที่มีระบบรากแบบรากอากาศ เช่น กล้วยไม้สกุลแวนด้า สกุลเข็ม สกุลกุหลาบ ถ้าเป็นกล้วยไม้ขนาดเล็ก หรือ ยังเป็นลูกกล้วยไม้อยู่ ใส่ถ่านก้อนเล็ก ๆ หรือใส่ถ่านป่นพอสมควร แต่ถ้าเป็นกล้วยไม้ที่โตแล้วควรใส่ก้อนใหญ่ประมาณ 5 – 10 ก้อน เพื่อช่วยอุ้มความชุ่มชื้นไว้ให้กล้วยไม้ บริเวณภายในกระถางมีช่องว่าง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เหมาะแก่ความต้องการ หรือ การเจริญเติบโตของกล้วยไม้ที่มีระบบรากอากาศ

ทรายหยาบ และ หินเกล็ด – ปลูกกล้วยไม้ที่มีระบบรากกึ่งอากาศโดยเฉพาะพวกสกุลหวาย มักใช้ทรายหยาบ และ หินเกล็ดที่ล้างสะอาดแล้วเป็นเครื่องปลูก ใส่อิฐหัก หรือ ถ่านป่นไว้ ก้นกระถาง ส่วนด้านบนโรยทรายหยาบ หนาประมาณ 1 นิ้ว แล้วโรยทับด้วยหินเกล็ดหนาประมาณครึ่งนิ้ว จากนั้น นำหน่อกล้วยไม้ที่แยกจากกอเดิมไปปลูกวางไว้บนหินเกล็ด แล้วมัดติดกับหลักเพื่อยึดไม่ให้ล้มจนกว่ากล้วยไม้ที่ปลูกใหม่นี้มีรากยึด และ ตั้งตัวได้

อิฐหัก และ กระถางดินเผาแตก – ใช้รองก้นกระถางสำหรับปลูกกล้วยไม้ที่มีระบบรากกึ่งอากาศ เพื่อให้ด้านล่างของกระถาง หรือ ภาชนะปลูกโปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวก และ เป็นการช่วยในการระบายน้ำในกระถางได้ดีขึ้น โดยมีวัสดุอื่น โรยไว้ข้างบน

เริ่มต้นปลูกกล้วยไม้ ทุกคนคงทราบมาเป็นอย่างดีแล้วว่า ในโลกของเรามีกล้วยไม้นับหมื่นชนิด และ ทุกชนิดก็ขึ้นกระจายพันธุ์ไปทั่วโลก เรียกได้ว่า น่าทึ่งจริง ๆ ที่กล้วยไม้เป็นพืชที่ยึดอาณาเขตการกระจายพันธุ์ได้มากมายตั้งขนาดนี้ แต่ทว่า กล้วยไม้ ไม่เหมือนมนุษย์ตรงที่ว่า กล้วยไม้นั้นไม่สามารถปรับตัวได้เมื่อต้องเปลี่ยนที่อยู่อาศัย เพราะเหตุนี้นี่เอง เราจึงเลี้ยงกล้วยไม้ในเขตร้อนในเมืองหนาวไม่ได้ และ เลี้ยงกล้วยไม้เขตหนาวในเมืองร้อนไม่ได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ถ้าเริ่มต้นเลี้ยงแนะนำให้หาข้อมูลก่อนว่าสภาพอากาศที่เราจะปลูกเหมาะกับพันธ์ุไหนบ้าง มีแดดส่องถึงช่วงไหนบ้าง แล้วลองหาข้อมูลสายพันธุ์ที่เราสนใจว่าเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เรามีอยู่ไหม เพราะแต่ละสายพันธุ์ชอบสภาพอากาศไม่เหมือนกัน ลองเริ่มต้นจากสายพันธุ์ที่เลี้ยงง่าย ๆ เช่น หวาย สามารถให้ดอกได้ทั้งปี แล้วศึกษาไปเรื่อยก็จะรู้ว่าเราชอบพันธ์ุไหน ที่สำคัญอย่าลืมใส่ใจต้นไม้ทุกต้นถ้าจะเลี้ยงให้งามต้องให้น้ำให้ปุ๋ย และ รู้จักธรรมชาติของกล้วยไม้ ขอให้สนุกกับการเลี้ยงกล้วยไม้

Facebook
Twitter
LinkedIn