สิงโตฟาแลนด์ ไม้นิ้ว Bulbophyllum phalaenopsis กล้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สิงโตฟาแลนด์ ไม้นิ้ว Bulbophyllum phalaenopsis หรือ ในภาษาไทยเรียกว่า สิงโตฟาแลน เป็นกล้วยไม้สายพันธุ์แท้ ที่มีถิ่นกำเนิดในปาปัวนิวกินี เป็นกล้วยไม้ขนาดใหญ่ เมื่อโตเต็มที่ ลำต้นเป็นหัวขนาดใหญ่ ใบใหญ่ ยาวประมาณ 4 – 5 ฟุต และ กว้างอีกประมาณ 1 ฟุต ดอกมีสีแดงคล้ำ ๆ กลีบดอกมีขนสีเหลือง ทั่วกลีบ โดยความโดดเด่น ของกล้วยไม้ชนิดนี้ก็คือ กลิ่น ! กล้วยไม้สิงโตฟาแลนมีกลิ่นคล้ายกับ เนื้อเน่า เหม็นมาก ๆ จนกลิ่นอาจจะไปไกลได้ถึง 5 เมตร พูดง่ายๆว่า ไม่สามารถยืนอยู่ใกล้ๆได้ หรือ อาจจะต้องเอาผ้า หรือ หน้ากากปิดจมูกเลยทีเดียว โดยกลิ่นนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของแมลงวัน และ จะล่อมันมา เพื่อช่วยในการผสมเกสรนั่นเอง
ลักษณะของ สิงโตฟาแลนด์ กล้วยไม้ดึกดำบรรถพ์
ต้นสิงโต หรือ (Bulbophyllum phalaenopsis J.J. Sm. 1937) หนึ่งในสมาชิกของสิงโตกลุ่มมาโครบุลบอน (Macrobulbon section) ซึ่งสามารถพบได้ที่เกาะนิวกินีเท่านั้น สิงโตฟาแลน ได้รับการยอมรับว่า เป็นสิงโตที่ขนาดลำต้นใหญ่ที่สุดในโลก ต้นที่สมบูรณ์เต็มที่ ขนาดหัวใหญ่เท่ากับหัวเด็กทารก และ ใบยาวมากกว่า 1 เมตร ดอกออกเป็นช่อสั้น ๆ ติดกับโคนหัวมีจำนวนหลายดอก สีแดงเลือดหมู มีขนค่อนข้างยาว และ มีกลิ่นเหม็นเพื่อล่อแมลงให้มาตอม
เครื่องปลูกกล้วยไม้ สิงโตฟาแลนด์ ไม้นิ้ว
สิงโตฟาแลนด์ โดยส่วนใหญ่ที่ทำเป็นการค้า จะใช้สแฟกนั่มมอส (sphagnum moss) เพราะสามารถควบคุมความชื้นได้ง่าย ถ้าปลูกเพื่อดูเล่น อาจเกาะขอนไม้ หรือ จะปลูกลงกระถาง กระเช้าไม้ เครื่องปลูกอาจใช้ถ่านไม้ทุบเป็นก้อนเล็ก ๆ แช่น้ำก่อนสัก 2 – 3 วัน ถ่านไม้ระบายน้ำได้ดี และ ไม่เปื่อย หรือ ผุง่าย การปลูกควรตั้งต้นกล้วยไม้ตรงกลาง ให้โคนต้นส่วนเหนือราก อยู่ต่ำกว่าระดับขอบ ภาชนะปลูกเล็กน้อย การวางต้นกล้วยไม้สูงเกินไป จะทำให้รากกล้วยไม่ได้รับความชื้นไม่เพียงพอ การใส่เครื่องปลูกควรใส่แค่กลบรากเท่านั้น อย่าใส่เครื่องปลูกมากเกินไป ควรปลูกก่อนเข้าฤดูฝน คือประมาณเดือนมีนาคม ถ้าปลูกในฤดูฝน อากาศมีความชื้นสูง และ กล้วยไม้กำลังอวบน้ำ อาจทำให้ใบ และ ยอดเน่าได้
การดูแลรักษา สิงโตฟาแลนด์ แบบกล้วยไม้นิ้ว
สิงโตฟาแลนด์ มีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
-
1. ต้องการแสงแดดรำไร
หากได้รับแสงมากเกินไป ใบจะเกิดรอยไหม้ เนื้อเยื่อส่วนที่ถูกแสงจะตาย และ เน่า ปริมาณแสงที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโต อยู่ในช่วง 10,000 – 20,000 Lux ต้นที่มีอายุมาก หรือ ต้นขนาดใหญ่จะทนแสงได้มากกว่าต้นที่มี อายุน้อย หรือ ต้นขนาดเล็ก -
2. อุณหภูมิ และ ความชื้น
อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตอยู่ในช่วง 23 – 28 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงออกดอกต้องการอุณหภูมิประมาณ 18 – 25 องศาเซลเซียส สามารถทนอุณหภูมิสูง ได้ถึง 35 องศาเซลเซียส และ อุณหภูมิต่ำได้ถึง 10 องศาเซลเซียส โดยต้นไม่ได้รับความเสียหาย ส่วนความชื้น สัมพัทธ์ที่เหมาะสมอยู่ที่ 60 – 65 เปอร์เซ็นต์ -
3. การให้น้ำ
ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุปลูก ไม่ควรให้น้ำมากเกินไป เพราะจะทำให้ระบบรากเน่า ควรให้น้ำเมื่อเห็นว่าวัสดุปลูกแห้ง การให้น้ำไม่ควรให้ถูกดอก หรือ มีน้ำขังบริเวณยอด เพราะจะทำให้ยอดเน่าได้ เมื่อพบส่วนใดเน่าให้ตัดส่วนเน่าทิ้งแล้วทาปูนแดงบริเวณรอยแผล จะทำให้ลดการระบาดของโรค -
4. ปุ๋ย
ควรให้ปุ๋ยทุก 10 – 14 วัน ในระยะต้นกล้าควรให้ปุ๋ยที่มี ธาตุไนโตรเจนสูง เช่น สูตร 30 – 20 – 10 และ ในระยะใกล้ ออกดอกควรเปลี่ยนสูตรปุ๋ยที่มีธาตุโปแตสเซียม และ ฟอสฟอรัสสูง เช่น สูตร 13 – 27 – 27 เป็นต้น ปุ๋ยที่ให้ควรเป็น ปุ๋ยเกล็ดละลายน้ำ ปัจจุบันมีปุ๋ยละลายช้า ซึ่งมีอายุการใช้นานถึง 3 เดือน ก็สามารถนำมาใช้ได้ แต่ราคาจะแพง และ ควรมีการพ่นธาตุอาหารรอง และ ธาตุอาหารเสริมเป็นระยะ -
5. การเปลี่ยนวัสดุปลูก
วัสดุปลูกที่ย่อยสลายตัวเร็ว เช่น กาบมะพร้าว ควรมีการเปลี่ยนวัสดุปลูกใหม่ทุก 3 – 6 เดือน เพื่อป้องกันระบบรากเน่า และ ควรมีการเสริมวัสดุปลูกบ้างเมื่อวัสดุปลูกยุบตัว การเปลี่ยนวัสดุปลูก มักนิยมทำเมื่อมีการเปลี่ยนกระถาง -
6. การป้องกันโรค และ แมลง
ควรมีการพ่นยาป้องกันกำจัดโรค และ แมลงเป็นระยะ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน จะมีการระบาดของโรคได้ง่าย
สิงโตฟาแลนด์ ไม้นิ้ว เป็นกล้วยไม้สกุลสิงโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสกุลของกล้วยไม้ แต่จัดเป็นไม้ที่เลี้ยงไว้ดูใบ เพราะใบของไม้ชนิดนี้มีขนาดใหญ่ ยาวเป็นเมตร สวยงาม มีถิ่นกำเนิดแถบเกาะบอเนียว ปัจจุบันยังเป็นไม้หายาก มีราคาสูง ในตลาดยังมีจำนวนน้อย เป็นตัวที่อยากแนะนำ สำหรับผู้ชื่นชอบไม้ใบ สาย Exotic สิงโตฟาแลนด์ (Bul. phalanopsis) ข้อมูลพฤกษาศาสตร์ : สิงโตฟาแลนด์ เป็น กล้วยไม้ สกุลสิงโต เฉพาะถิ่นหายากจากประเทศปาปัวนิวกินี กล้วยไม้ ชนิดนี้ชอบร่มรำไรเครื่องปลูกค่อนข้างชื้นแต่ไม่แฉะ อากาศถ่ายเทสะดวกไม่อับลม เมื่อโตขึ้นควรปลูกแขวนให้ห้อยเอียงเพราะใบจะมีขนาดยาวมาก และ หัวจะมีขนาดใหญ่