เอื้องมะลิใบคู่ ไม้รุ่น (Dendrobim hymenanthum)
กล้วยไม้หวายพันธุ์แท้ ต้นแคระ แตกกอได้ง่าย
เอื้องมะลิใบคู่ ไม้รุ่น เป็นกล้วยไม้ หวายพันธุ์แท้ ขนาดเล็ก ต้นแคระแตกกอได้ง่าย กล้วยไม้ชนิดนี้ เป็นกล้วยไม้ป่า กระจายพันธุ์ ตั้งแต่ อินเดีย พม่า ไทย มาเลเซีย เวียดนาม และ บอร์เนียว สามารถปลูกได้ดีในพื้นที่อากาศร้อน ในระดับความสูงตั้งแต่ 50 เมตร จากระดับน้ำทะเลขึ้นไป ลักษณะเมื่อโตเต็มที่ ลำลูกกล้วย มีความสูงเพียง 3 – 5 ซม. มีใบอยู่ช่วงปลาย มีตาดอกขนาดเล็ก ตรงกลางยอด ดอกมีสีขาว มีกลิ่นหอม ดอกดก สามารถออกเป็นพุ่มรอบต้นได้ หากเลี้ยงเป็นกอ ฤดูดอก ในเดือน มีนาคม – กรกฎาคม
ลักษณะของ เอื้องมะลิใบคู่ Dendrobium crumenatum
เอื้องมะลิแบบใบคู่ มีชื่อวิทยาศาสตร์ : Dendrobium crumenatum) หรือ เอื้องมะลิ หรือ แส้พระอินทร์ เป็นกล้วยไม้ในสกุลหวาย กระจายพันธุ์ในเอเชียใต้ ถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นพืชอิงอาศัย โคนต้นเป็นลำทรงกระบอก ส่วนปลายเป็นเส้นกลมเรียว และ แข็ง ยาวได้ถึง 70 ซม. ใบรูปรีแกมขอบขนาน กว้าง 1.5 – 2.5 ซม. ยาว 5 – 7 ซม.
มักทิ้งใบเมื่อผลิดอก ดอกสีขาวนวลออกเดี่ยวตามข้อ มีกลิ่นหอม บานเต็มที่กว้าง 2.5 – 3 ซม. กลีบปากมีแต้มสีเหลืองที่กลางกลีบ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ที่เกาะชวา ใช้พืชชนิดนี้ ผสมในยารักษาอหิวาตกโรค และ แก้อาการปวดหู
เอื้องมะลิใบคู่ ไม้รุ่น การขยายพันธุ์ และ การปลูก
เอื้องมะลิสองใบ มีการขยายพันธุ์ โดยการตัดแยกลำหลัง ควรมีลำลูกกล้วยอย่างน้อย 4 ลำ ใช้มีด หรือ กรรไกรที่คม สอดเข้าไประหว่างลำลูกกล้วยแล้วตัดส่วนของเหง้าให้ขาดจากกัน ใช้ปลายมีดแบน ๆ ป้ายปูนแดงแล้วทาที่บาดแผลให้ทั่วเพื่อป้องกันเชื้อโรค หลังจากตัดแล้วให้ปล่อยทิ้งลำหลังไว้ในภาชนะเดิม รากเก่าก็ยังเกาะติดเครื่องปลูกเดิมหนาแน่นดีอยู่ ถ้าได้มีการบำรุงรักษาตามปกติ ไม่ช้าลำหลังซึ่งไม่มีท่อส่งน้ำส่งอาหารลำเลียงไปสู่ลำหน้าได้ เพราะถูกตัดขาดจากกันจะผลิตตาซึ่งพักตัวอยู่ให้เจริญออก มาเป็นหน่อ และ เกิดเป็นลำหน้า ขึ้นมาใหม่
เมื่อหน่อเจริญจวนสุดลำ และ มีรากอ่อน ๆ งอกออกมาที่โคนลำ พอสมควรแล้ว จึงยกลำหลังซึ่งมีหน่อใหม่นี้ไปปลูกในภาชนะใหม่ได้ รากของลำใหม่ซึ่งยังอ่อนอยู่ต้อง ระวังอย่าให้บอบช้ำ ส่วนรากเก่าให้ตัดเหลือเพียงส่วนน้อย และ ให้ยาวเพียง 1 – 2 ซม. เพื่อให้ปลูกง่าย ขึ้น
เครื่องปลูก เอื้องมะลิ วิธีปลูก
เครื่องปลูกที่นิยม แบ่งเป็น 2 ชนิด ดังนี้
-
ออสมันด้า
เครื่องปลูกสกุลหวายที่นิยมใช้ คือ ออสมันด้า ได้มาจาก รากของเฟิร์นที่มีอยู่ในป่า ก่อนใช้ควรแช่น้ำ หรือต้ม เพื่อฆ่าเชื้อราเสียก่อน เป็นเครื่องปลูกที่ดีที่สุด แต่ราคาค่อนข้างสูง ใช้ปลูกกล้วยไม้ตั้งแต่ต้นขนาดเล็กถึงต้นขนาดใหญ่ มีอายุการใช้งาน 2 – 3 ปี ก่อนอัดลงกระถาง ควรรองก้นกระถางด้วยกระเบื้องแตก หรือ ถ่านประมาณ 1/2 ของกระถาง เพื่อให้น้ำระบายได้สะดวก หรือ ถ้าไม่รองก้นกระถาง ก็ควรให้ก้นกระถางเหลือช่องว่างเอาไว้ แล้วจึงอัดตามยาว ลงไปในกระถาง ไม่ควรอัด ออสมันด้าให้เต็มกระถาง ข้อเสียคือ เกิดเชื้อราง่าย จึงต้องระวัง เรื่องการให้น้ำ -
กาบมะพร้าว
เครื่องปลูกที่นิยมอีกชนิด คือ กาบมะพร้าว เพราะราคาถูก วิธีทำ ก็ใช้กาบมะพร้าวแห้งที่มีเปลือก อัดตามยาวให้แน่นลงไปในกระถาง ส่วนมากมักจะเป็นกระถางตั้งแต่ 3 นิ้วขึ้นไป ตัดหน้าให้เรียบ แล้วใช้แปรงลวดปัดหน้าให้เป็นขน เพื่อให้การดูดซับน้ำดีขึ้น เครื่องปลูกกาบมะพร้าว เป็นเครื่องปลูกที่ได้ความชื้นสูง เหมาะสำหรับกล้วยไม้ปลูกใหม่ เพราะทำให้ตั้งตัวเร็ว มีอายุการใช้งาน 1 ปี ก็ต้องเปลี่ยนเครื่องปลูกใหม่
เอื้องมะลิใบคู่ ไม้รุ่น กล้วยไม้ชนิดนี้มักนิยมเลี้ยงแขวนติดไม้ หรือ ปลูกในภาชนะแขวนขนาดเล็ก ทนกับสภาพที่ค่อนข้างแห้งได้ดี ควรปลูกในที่ได้รับแสงรำไรค่อนข้างไปทางแสงมาก แต่ไม่ควรนำมาแขวนตากแดดโดยตรง เครื่องปลูกนิยมใช้รากชายผ้าสีดา หรือ กาบมะพร้าว กล้วยไม้ชนิดนี้ชอบอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่อับลม เครื่องปลูกที่ใช้ ควรหลีกเลี่ยงวัสดุที่แฉะ อมน้ำมาก และ นานเกินไป เมื่อเลี้ยงเป็นกอใหญ่ จะให้ดอกที่ดก ดูสวยงาม และ มีกลิ่นหอม เวลาบานพร้อม ๆ กัน เป็นหนึ่งในกล้วยไม้พันธุ์ที่น่ารัก และ น่าสนใจเป็นอย่างมาก